![](https://www.lishthailand.com/wp-content/themes/Lish2024/img/blog-desktop.jpg)
ริดสีดวงทวาร สาเหตุ อาการ วิธีการรักษาและป้องกัน
![](https://www.lishthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/บทความในเว็ปไซต์หน้าแรก01-01.png)
มีคราบเลือดติดออกมากับอุจจาระ นี่แหละสัญญาณของ โรคริดสีดวงทวาร !
หลายๆคนกำลังประสบปัญหานี้อยู่ แต่ก็อายที่จะไปพบแพทย์ จึงเก็บอาการที่เป็นอยู่ไว้เป็นความลับ ไม่บอกใครรู้
ลองมาเช็คอาการกันดูอีกรอบ หากคิดว่าเข้าข่ายโรคริดสีดวงทวาร ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ อาจต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นนานพอสมควร เสียทั้งเวลา เสียทั้งงาน เสียทั้งเงิน รู้แบบนี้แล้วยังจะปล่อยมันทิ้งไว้อยู่ไหม
โรคริดสีดวงทวาร คืออะไร?
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) คือ ภาวะที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการปูดพองเป็นหัว ซึ่งอาจมีได้หลายหัวและเป็นพร้อมกันได้หลายตำแหน่งบริเวณทวาร
ริดสีดวงทวารสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. ริดสีดวงทวารชนิดภายใน
กลุ่มหลอดเลือดดำที่อยู่ใต้ชั้นเยื่อบุลำไส้ภายในรูทวารหนักปูดพอง ซึ่งจะต้องตรวจพบได้เมื่อใช้กล้องส่องตรวจ ความรุนแรงแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 เริ่มมีหัวริดสีดวงเกิดขึ้น แต่ไม่มีก้อนเนื้อยื่นออกมา และจะมีเลือดสดๆออกมาขณะถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ
- ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมาเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระ และจะหดกลับเข้าไปได้เองภายหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ
- ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมาเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระ ไอ จาม ยกของหนัก หรือออกกำลังกาย และจะไม่กลับเข้าไปเองต้องใช้นิ้วมือดันเข้าไป
- ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงทวารโผล่ออกมาคาอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ ผู้ป่วยจึงรู้สึกเจ็บปวด
2. ริดสีดวงทวารชนิดภายนอก
กลุ่มหลอดเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณปากทวารหนักปูดพอง ซึ่งสามารถมองเห็นและคลำได้ เพราะผิวหนังรอบๆ ทวารจะถูกดันจนโป่งออกมา ผู้ป่วยจึงรู้สึกเจ็บปวด
![](https://www.lishthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/ริด.jpg)
สาเหตุเกิดจากอะไร?
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุได้อย่างแน่ชัด แต่มักพบในผู้ที่มีอาการเหล่านี้
- ผู้ที่มีภาวะท้องผูกเรื้อรัง
- ผู้ที่ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยๆ
- ผู้ที่ชอบนั่งถ่ายเป็นระยะเวลานานๆ
- ผู้ที่มีอุปนิสัยเบ่งถ่ายอย่างมาก เพื่อให้ขับอุจจาระได้อย่างรวดเร็ว
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น
- การตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
อาการที่ควรรีบไปพบแพทย์
- มีเลือดสีแดงสดออกมาขณะถ่ายอุจจาระ หรือหลังถ่ายอุจจาระแล้วเสร็จ
- มีก้อนเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ
- คันหรือระคายเคืองรอบๆปากทวารหนัก
- คลำได้ก้อนที่บริเวณทวารหนักและมักมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย
แนวทางการรักษาโรคริดสีดวงทวาร
- การใช้ยาเหน็บทวาร ครีมทาทวาร และยาทาภายนอก หากใช้ครบ 1 สัปดาห์อาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์
- การฉีดยาเข้าไปที่หัวริดสีดวงทวาร หรือใช้แถบยางรัดโคนหัวริดสีดวงทวาร
- การจี้หัวริดสีดวงทวารด้วยความร้อนหรือความเย็น
- การผ่าตัดเอาหัวริดสีดวงทวารออก
ถึงแม้ว่าการรักษาจะช่วยให้อาการของโรคดีขึ้น แต่ถ้ายังมีพฤติกรรมการดูแลตนเองที่ไม่เหมาะสม ก็มีโอกาสกลับมาเป็นโรคริดสีดวงทวารได้ใหม่ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
วิธีการปฎิบัติตัวและดูแลตัวเอง เพื่อให้ห่างไกลโรคริดสีดวงทวาร
- รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวไม่ขัดสี ผักผลไม้ และธัญพืชต่างๆ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 – 8 แก้วต่อวัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ถ่ายอุจจาระให้เป็นประจำนิสัย
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย จากเดิมที่ใช้อยู่บ่อยๆ
- รับประทานโปรไบโอติก ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลลำไส้ เพิ่มมวลอุจจาระ ช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้ง่าย และลดปัญหาในระบบทางเดินอาหารให้กับคุณได้
อ้างอิง
ริดสีดวงทวาร. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล