วิธีดีท็อกลำไส้ ล้างสารพิษในร่างกาย



           ดีท็อก (Detox) มาจากคำว่า Detoxification หมายถึง การนำสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย โดยเชื่อว่าการที่ร่างกายมีสารพิษตกค้าง จะทำให้ร่างกายเสียสมดุล และส่งผลต่อสุขภาพได้

           การดีท็อกลำไส้ เป็นหนึ่งในวิธีการล้างสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ ซึ่งหากลำไส้ไม่สะอาดหรือมีสารพิษตกค้าง จะทำให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมา เช่น ลำไส้แปรปรวน, ท้องผูก, ท้องอืด หรือลำไส้อักเสบเป็นต้น

เมื่อใดจึงควรทำดีท็อกลำไส้?

           เมื่อร่างกายเริ่มสะสมสารพิษอยู่ในลำไส้มากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ลำไส้เกิดการทำงานที่ผิดปกติ โดยเริ่มจากความผิดปกติในลำไส้ เช่น อาการลำไส้แปรปรวน  ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย มีแก๊สในช่องท้อง เรอบ่อยและมีกลิ่นแรง ผายลมบ่อย ท้องผูก และหากร้ายแรงก็อาจจะเป็นลำไส้อักเสบ มีเลือดออกในลำไส้ และลุกลามเป็นมะเร็งลำไส้ได้ในอนาคต

นอกจากอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ก็จะส่งผลกระทบต่ระบบอื่นๆของร่างกาย เช่น ทำให้เกิดความเครียด มีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นต้น

วิธีการทำดีท็อกลำไส้

การดีท็อกลำไส้ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ

แบบสวนลำไส้ – คือการใช้น้ำอุ่น 25 ลิตร ผสมกับ น้ำเกลือ น้ำสมุนไพร หรือ น้ำกาแฟ ขึ้นอยู่กับแพทย์จะเลือกใช้ ในปริมาณ 200 มิลลิลิตร จากนั้นปล่อยสารละลายเข้าทางทวารหนัก โดยสอดท่อเขาไป 2 นิ้ว โดยใช้แรงดันจากแรงโน้มถ่วง จากนั้นปล่อยให้สารละลายไหลเข้าไปประมาณครั้งละ 1 ลิตร ผู้ป่วยก็จะเบ่งของเสียและน้ำออกมาพร้อมกับอุจจาระ ทำเช่นนี้จนครบ 25 ลิตร ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที

แบบรับประทาน – เป็นวิธีการในสมัยใหม่ โดยการทานบางอย่างเข้าไป เพื่อให้สารที่รับประทานเข้าไปดูดซึมสารพิษแล้วขับถ่ายออกมาก โดยมีสูตรที่นิยมกันดังนี้

สูตรมะนาว – ใช้น้ำมะนาวครึ่งลูก บีบใส่น้ำอุ่น จากนั้นคนให้เข้ากัน แล้วดื่มหลังตื่นนอนทุกวัน
สูตรเม็ดแมงลัก – ใช้เม็ดแมงลักแช่ในน้ำอุ่น ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วดื่มก่อนเข้านอนประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยดื่มทุกวันหรือ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายหลังจากที่ตื่นนอน
สูตรโปรไบโอติก – เป็นการทานอาหารที่มีโปรไบโอติก ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติ และมีการขับถ่ายอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ของเสียและสารพิษที่ตกค้างออกไปพร้อมกับอุจจาระ